My sister’s keeper (2009)
Genre: Drama
Directors: Nick cassavetes
Stars: Cameron diaz, Abigail breslin, Alec bladwin, Sofia
vassilieva
เรื่องย่อ
ชีวิตของซาร่า
และไบรอัน ฟิทส์เจอรัล กับลูกชายตัวน้อยและเคท ลูกสาววัยสองขวบ ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาลเมื่อพวกเขาได้รู้ว่าเคทป่วยเป็นโรคลูคีเมีย
ความหวังเดียวของพ่อแม่คือการมีลูกอีกคน
ด้วยความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะรักษาชีวิตของเคทเอาไว้
Trailer
Review
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อลูกสาวของบ้านป่วยเป็นโรคลูคิเมีย
ซาร่า (Cameron diaz) และสามี ไบรอัน จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะช่วยชีวิตลูกสาวคนนี้ไว้
แต่ไม่มีใครที่สามารถบริจาคอะไรเพื่อช่วยเคทได้เลย จึงได้ไปปรึกษา หมอก็บอกว่า อ่ะ
เอางี้ไหม ทำลูกอีกคน ทั้งสองคนลังเลนิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจ
(ไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าอะไรที่ทำให้เกิดมาแล้ว เซลล์ อวัยวะมันตรงกันเป๊ะๆ
สะดวกต่อการบริจาค) ก็มีไป
แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น
ประเด็นมันเริ่มจากเมื่อลูกสาวคนนี้โตขึ้น แอนนา (Abigail) ได้ตัดสินใจไปฟ้องร้อง แม่ของตัวเอง
ข้อหาละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
เนื่องด้วยแม่เป็นให้บริจาคนั่นนี่ของตัวเองให้พี่สาวอยู่เสมอ
จนล่าสุดจำเป็นต้องบริจาคไตอีกข้าง
หนังเรื่องนี้บอกเลยว่า
เป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ทำให้ร้องไห้ได้เกือบแทบทุกฉาก
การดำเนินเรื่องไม่มีช่วงไหนที่น่าเบื่อเลย หนังค่อยๆเล่ารายละเอียด
เล่าความเป็นมาทีละนิดๆ จนเรารู้ว่าทำไมแต่ละตัวละครถึงแสดงออกแบบที่ทำ
โดยเฉพาะตัว เคท เองที่เป็นมะเร็ง
ได้ขอร้องน้องสาวให้ปลดปล่อยชีวิตเธอด้วยการหยุดบริจาคนั่นนี่ให้เธอเสียที
แต่น้องจะขัดเองก็ไม่ได้ งานนี้เลยต้องจ้างทนาย
ขอพูดถึง Cameron diaz หน่อยดีกว่า
ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็น Cameron ในบทแบบนี้
เพราะส่วนใหญ่นางจะไปสาย Comedy มากกว่า
แต่บทนี้ถือว่าทำได้ดีมากทีเดียว
เข้าใจอารมณืของแม่ที่ต้องยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อลูกสาว
ถึงขนาดปิดหูปิดตาตัวเองไม่ยอมรับฟังเสียงรอบข้าง แม้กระทั่งโกนหัวเป็นเพื่อนลูก เพียงแค่อยากจะยื้อชีวิตของเคทให้นานที่สุด
ส่วนตัวเคทเอง
ได้รับความรักและความสนใจจากคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเต็มที่
แต่ว่าเค้าก็รู้ตัวว่าเอาความสนใจจากพ่อแม่มาจนหมด เนื่องจากเพราะตัวเองป่วย จนตัวน้องชายและน้องสาวเองเหมือนไม่ได้รับความรักอย่างเพียงพอ
มีประโยคนึง
เคท พูดว่า “I don’t mind my
disease killing me, but it’s killing my family too”
ส่วนตัวแอนนาเองก็รักเคทด้วยความบริสุทธิ์ใจให้พี่ได้ทุกอย่าง
เพราะฉะนั้นมันจะมีจุดหนึ่งที่เคทรู้สึกว่า พอแล้ว ได้รับความรักเพียงพอแล้ว
พร้อมที่จะไปแล้ว มีฉากนึงเป็นฉากสั่งเสียของเคทที่มีต่อแม่ เคทถามแม่ว่า จำได้ไหม
ที่ตอนนั้นหนูจะไปทัศนศึกษา และหนูไม่กล้าไปเพราะหนูกลัวจะคิดถึงพ่อแม่
แม่บอกให้หนูนั่งติดหน้าต่างเวลามองกลับมาจะได้เห็นพ่อกับแม่ แล้วเคทก็พูดต่อว่า “I get the same seat now” เป็นฉากที่ลงตัวมากๆ
ทั้งอารมณ์ ทั้งความรู้สึกของนักแสดง แม้กระทั่งของคนดูด้วย
เป็นหนึ่งในหนังที่ชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่ง
เพราะได้ข้อคิดเยอะมาก โดยเฉพาะ Message
ที่ส่งไปถึงผู้ปกครองว่า บางทีควรฟังลูกบ้าง ว่าลูกต้องการอะไร
อยากได้อะไร พยายามมองโลกในมุมที่กว้างขึ้น และควรรู้จักปล่อยวาง
เพราะในที่สุดแล้ว ไม่มีใครสามารถอยู่ตลอดไปได้
เรื่องนี้เอาไป
10/10 ครับ
เพลงประกอบแต่ละเพลงเพราะมาก เข้ากับสถานณการณ์ และฉากซึ้งกินใจเยอะ โดยเฉพาะฉากที่
แม่ไม่ยอมให้เคทไปทะเลเพราะเป็นห่วง จนกระทั่งทะเลาะกัน
แต่สุดท้ายแม่ก็ตามไปดูแลอยู่ดี อยากรู้ว่าเป็นไงต้องไปดูครับ อยากบอกว่าดีจริงๆ
แถมยังมีรางวัลการีนตีหลายรางวัลด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น